กฎหมายการดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่และบทลงโทษในประเทศไทย

1 เดือนที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

โดย Alco-Lab – ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มืออาชีพ

บทนำ

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง คือ การขับขี่ขณะมึนเมา ด้วยเหตุนี้ กฎหมายไทยจึงมีข้อบังคับอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนหรือขณะขับรถ เพื่อป้องกันความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของสาธารณะ

ในบทความนี้ Alco-Lab จะพาคุณมาทำความเข้าใจ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง, ระดับแอลกอฮอล์ที่อนุญาต, และ บทลงโทษ รวมถึงการแนะนำเทคโนโลยีใหม่อย่าง “เครื่องเป่าแอลกอฮอล์” ที่ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และไม่ผิดกฎหมาย

🍺 แอลกอฮอล์มีผลต่อร่างกายอย่างไร?

เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป แม้ในปริมาณเล็กน้อย ก็อาจส่งผลต่อการขับขี่ เช่น:

• ลดความสามารถในการตัดสินใจ

• การตอบสนองต่อเหตุการณ์ช้าลง

• การควบคุมพวงมาลัยและเบรกไม่แม่นยำ

• สูญเสียสมาธิ หรือมีอาการง่วงซึม

• มองเห็นไม่ชัดในที่มืดหรือขณะฝนตก

ผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้น ก่อนที่คุณจะรู้สึก “เมา” เสียด้วยซ้ำ

⚖️ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแล้วขับ

ประเทศไทยใช้เกณฑ์วัด ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด (Blood Alcohol Content)

หน่วยที่ใช้ในประเทศไทยคือ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (mg%) ซึ่งสามารถวัดได้จากลมหายใจด้วยเครื่องเป่าแอลกอฮอล์

📌 ระดับแอลกอฮอล์ที่กฎหมายกำหนดว่า “ผิด”

หากพบว่าเกินค่าที่กำหนด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมทันที โดยไม่จำเป็นต้องเกิดอุบัติเหตุก่อน

ประเภทผู้ขับขี่	เกณฑ์ Mg% ที่ผิดกฎหมาย
ผู้ขับขี่ทั่วไป	> 50 mg%
ผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี	> 20 mg%
ผู้ไม่มีใบขับขี่	> 20 mg%
คนขับรถขนส่ง/รถโดยสารสาธารณะ	> 0 mg% (ห้ามมีเลย)