การทำความสะอาดเครื่องเป่าแอลกอฮอล์อย่างถูกวิธี
โดย Alco-Lab – มาตรฐานใหม่เพื่อความปลอดภัยที่แม่นยำ
ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ Alco-Lab เล็งเห็นว่า ความแม่นยำของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับ “การดูแลรักษา” และ “ความสะอาดของอุปกรณ์” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้การใช้งานเครื่องเป่าแอลกอฮอล์เป็นไปอย่างปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และให้ค่าที่ถูกต้องตามมาตรฐาน Alco-Lab ขอแนะนำขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างมืออาชีพ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในภาคธุรกิจ หน่วยงานราชการ และการใช้งานทั่วไป
เหตุผลที่ควรทำความสะอาดเครื่องเป่าแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ
1.ความแม่นยำในการตรวจวัด
คราบน้ำลาย เศษฝุ่น หรือความชื้นที่สะสมบริเวณหัวเป่าและช่องลม อาจรบกวนการทำงานของเซนเซอร์ ทำให้ค่าวัดแสดงคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้น ความสะอาดจะส่งผลต่อค่าวัดแอลกอฮอล์โดยตรง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้ปั๊มแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีการตรวจจับระดับของแอลกอฮอล์ หากมี เศษฝุ่น หรือคราบน้ำ อาจะทำให้เครื่องเสียหายได้
2.สุขอนามัยของผู้ใช้งาน
โดยเฉพาะในกรณีที่มีผู้ใช้งานร่วมกันหลายคน เครื่องที่ไม่สะอาดอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย และอาจเกิดโรคติดต่อได้
3.ยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
เครื่องที่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และลดโอกาสเสียหายจากสิ่งสกปรกภายใน
วิธีทำความสะอาดเครื่องเป่าแอลกอฮอล์
1. ถอดหัวเป่าทุกครั้งหลังใช้งาน
หัวเป่าควรถอดออกและล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและปล่อยให้แห้ง หากใช้หัวเป่าแบบใช้แล้วทิ้ง ควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งหลังใช้งาน และหมั่นสังเกตฟิลเตอร์ของหัวเป่าทุกครั้งว่ายังสามารถกันน้ำได้อยู่ไหม กรณีหลอดใช้แล้วทิ้งหลังการล้างทำความสะอาดควรรอให้แห้งก่อนการนำมาใช้งาน
2. เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องด้วยผ้านุ่ม
ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อหรือทิชชู่เปียก (ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์) เช็ดบริเวณภายนอกตัวเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำราดหรือจุ่มเครื่องลงในของเหลว หรือ หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดบริเวณเซนเซอร์ Fuel Cell โดยตรง
3. ทำความสะอาดช่องเป่าลมหายใจ
หากช่องเป่ามีเศษฝุ่นหรือไอน้ำสะสม ให้ใช้สำลีก้านหรือแปรงเล็ก ๆ เช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ พร้อมปล่อยให้แห้งสนิทก่อนนำกลับมาใช้งาน
4. หลีกเลี่ยงการจัดเก็บในที่อับชื้นหรือร้อนจัด
ควรเก็บเครื่องไว้ในที่อุณหภูมิคงที่ และอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการเกิดไอน้ำสะสมบริเวณเซนเซอร์
5. ส่งสอบเทียบตามรอบระยะเวลาที่กำหนด
แม้จะทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ควรได้รับการสอบเทียบ (Calibration) จากศูนย์บริการมาตรฐาน เช่น ทุก 6 เดือน หรือปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ค่าที่แสดงยังคงความแม่นยำระดับมืออาชีพ (สอบเทียบเครื่องเป่าแอลกอฮอล์แนะนำให้สอบเทียบกับห้องปฏิบัติการที่มีการรับรองมาตรฐาน EN/IEC 17025 เท่านั้นเพื่อที่จะได้ยืนยันค่าวัดที่แม่นยำและมีมาตรฐาน)
6. หลีกเลี่ยงถ่านและอุปกรณ์เสริมที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
แบตเตอรี่ของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ถือว่าเป็นหัวใจของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ ดังนั้นถ่านที่ใช้ควรเป็นถ่านที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น หลีกเลี่ยงถ่านปลอม หรือ แหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจทำให้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ของลูกค้าเสียหายได้ เนื่องจากประจุไฟไม่เท่ากันอาจเกิดการลัดวงจรได้
เคล็ดลับจาก Alco-Lab:
ใช้หัวเป่าแบบแยกเฉพาะรายบุคคลเพื่อสุขอนามัยที่ดี
ไม่ควรใช้เครื่องในขณะฝนตกหรืออุณหภูมิต่ำมาก
หากมีเสียงผิดปกติ หรือเครื่องแจ้งเตือนค่าผิดพลาด ให้หยุดใช้งานและส่งตรวจทันที
หลีกเลี่ยงการเก็บอุปกรณ์ในที่อับชื้นหรือร้อนจัด
สรุป: ความสะอาดคือหัวใจของความแม่นยำ
Alco-Lab มุ่งมั่นพัฒนาเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ที่ทั้งทันสมัยและเชื่อถือได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การใช้งานอย่างถูกต้อง และการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ คือสิ่งที่จะช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และรักษาความปลอดภัยทั้งต่อผู้ใช้งานและผู้ใช้ถนนร่วมกัน
“หนึ่งลมหายใจที่แม่นยำ อาจช่วยรักษาหนึ่งชีวิตให้ปลอดภัย” — Alco-Lab