ในยุคที่ ความปลอดภัยในที่ทำงาน และการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องที่องค์กรไม่สามารถมองข้ามได้ เครื่องวัดแอลกอฮอล์ หรือเครื่องเป่าแอลกอฮอล์จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่หลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง การผลิต การบริการ และงานที่ใช้เครื่องจักรกลหนัก หนึ่งในคำถามยอดฮิตของหลายองค์กรคือ:

“ควรเลือกใช้เครื่องวัดแอลกอฮอล์แบบ Passive หรือ Active?”

บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างทั้งสองระบบ พร้อมแนะนำการเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละประเภทองค์กร

🔍 เครื่องวัดแอลกอฮอล์ Passive คืออะไร?

เครื่องวัดแอลกอฮอล์แบบ Passive (Passive Alcohol Tester) คืออุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับแอลกอฮอล์ในลมหายใจของบุคคลได้ โดยไม่ต้องเป่าเข้าช่องเป่าโดยตรง (เป่าใกล้ ๆ หรือพูดใกล้ตัวเครื่อง)

✅ จุดเด่นของระบบ Passive:

• 🔹 ไม่ต้องสัมผัสหรือเสียบหลอดเป่า → ลดการปนเปื้อน

• 🔹 ตรวจคนจำนวนมากได้เร็ว (ตรวจผ่านๆ เหมือน Screening)

• 🔹 เหมาะกับการคัดกรองเบื้องต้น

• 🔹 ใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ตรวจนักเรียน ตรวจหน้าทางเข้าโรงงาน
  
  

❌ ข้อจำกัด:

• ไม่เหมาะสำหรับใช้ประกอบการลงโทษ หรือบันทึกเป็นหลักฐาน

• อาจมีความคลาดเคลื่อนหากอยู่ในที่อากาศไหลเวียนสูง
  
  

🎯 เครื่องวัดแอลกอฮอล์ Active คืออะไร?

เครื่องวัดแอลกอฮอล์แบบ Active (Active Alcohol Tester) คืออุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานต้อง เป่าลมหายใจผ่านหลอดเป่าโดยตรงเข้าสู่ตัวเซนเซอร์ เพื่อให้เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้อย่างแม่นยำ

✅ จุดเด่นของระบบ Active:

• ✔ แสดงค่าระดับแอลกอฮอล์แบบชัดเจน (เช่น 0.000%, 0.051%)

• ✔ ความแม่นยำสูง (โดยเฉพาะรุ่น Fuel Cell)

• ✔ ใช้เป็นหลักฐานในทางกฎหมาย หรือประกอบการพิจารณาทางวินัยได้

• ✔ เชื่อมต่อระบบบันทึกผล / อัปโหลดเข้าระบบ HR ได้

❌ ข้อจำกัด:

• ต้องใช้หลอดเป่า → มีต้นทุนต่อครั้ง

• ใช้เวลาตรวจต่อลมหายใจนานกว่าแบบ Passive เล็กน้อย (5–10 วินาที)
  
  

⚖️ ตารางเปรียบเทียบ Passive vs Active

🏢 แบบไหนเหมาะกับองค์กรของคุณ?

✅ ใช้ Passive หาก:

• ต้องการคัดกรองคนจำนวนมากรวดเร็ว

• ใช้ตรวจเบื้องต้นก่อนเข้าโรงงาน หรืองานอีเวนต์

• ต้องการความสะดวก ไม่อยากเปลี่ยนหลอดเป่าบ่อย

• งบประมาณไม่สูงมาก
  
  

✅ ใช้ Active หาก:

• ตรวจพนักงานขับรถ/เครื่องจักรทุกวัน

• ใช้ผลตรวจในรายงานหรือแนบเอกสารทางกฎหมาย

• ต้องการความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ

• เชื่อมต่อระบบ HR หรือบันทึกข้อมูลผู้เป่า
  
  

🧠 ตัวอย่างการใช้งานจริง

• โรงเรียน: ใช้เครื่องแบบ Passive ตรวจนักเรียนก่อนเข้าเรียน เพื่อลดความเสี่ยงด้านวินัย

• บริษัทขนส่ง: ใช้เครื่องแบบ Active (Fuel Cell) ตรวจคนขับก่อนขึ้นรถทุกวัน พร้อมบันทึกผลเข้าแฟ้ม

• โรงงานผลิตอาหาร: ใช้ Active แบบไม่สัมผัสเพื่อลดการปนเปื้อน พร้อมตรวจผลทุกวันโดยทีม HR
  
  

🔧 ทำไม Alco-Lab จึงมีเครื่องทั้ง 2 แบบให้เลือก?

เพราะเราเข้าใจว่าแต่ละธุรกิจมีความต้องการต่างกัน:

• บางบริษัทต้องการความเร็ว

• บางองค์กรต้องการหลักฐานที่ใช้ได้ในเชิงวินัยหรือกฎหมาย

• บางที่มีงบจำกัดแต่ยังต้องควบคุมคุณภาพแรงงาน

Alco-Lab คัดสรรทั้งเครื่องแบบ Passive และ Active คุณภาพสูง ที่ผ่านการทดสอบในภาคสนามจริง พร้อมทีมให้คำปรึกษาโดยตรง

🛒 แนะนำรุ่นจาก Alco-Lab

🔸 ธุรกิจขนส่ง / โลจิสติกส์

• ✅ แนะนำ: Fuel Cell ที่ตรวจแม่นยำ + ตรวจถี่ได้

• ✅ รุ่น: AT7000, AT7200, Cheetah-1 , AT-8070 
  

🔸 โรงงานอุตสาหกรรม

• ✅ ต้องการความแม่นยำและทนทาน Fuel Cell Sensor

• ✅ รุ่น: AT7000, AT7200, Cheetah-1 ,AT8801 

🔸 บริษัทขนาดย่อม ผู้ใช้น้อย

• ✅ ตรวจเบื้องต้น วันละไม่กี่ครั้ง เซนเซอร์ Semiconductor หรือ Fuel Cell Sensor

• ✅ รุ่น: ACT-BT10, CT2000, AT858S , Rapid Analysis, AT868, AT808, AT-8070 (ราคาย่อมเยา)

📞 สนใจสอบถามหรือขอใบเสนอราคา?

ไม่แน่ใจว่าองค์กรของคุณเหมาะกับโหมด Passive หรือ Active?
เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี พร้อมแนะนำรุ่นที่เหมาะสมที่สุด

📱 LINE: @alco-lab
📧 Email: alcolabsale@gmail.com
🌐 www.alco-lab.com

✨ สรุป

Passive เหมาะกับการคัดกรองเบื้องต้น รวดเร็ว ไม่ต้องสัมผัส
Active เหมาะกับการตรวจแบบละเอียด แม่นยำ ใช้เป็นหลักฐาน

การเลือกเครื่องที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารองค์กรได้อย่างแท้จริง

“หนึ่งลมหายใจที่แม่นยำ อาจช่วยรักษาหนึ่งชีวิตให้ปลอดภัย” — Alco-Lab